ข่าวประจำวันที่ 7 ตุลาคม 2567
Gold อ่อนตัวลงเล็กน้อย
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลง ปิดที่ระดับ 2,653$/oz สาเหตุมาจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ โดยอยู่ที่ 254,000 ตำแหน่ง และ 4.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 102.48 ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำเพิ่มเติม
ทั้งนี้ประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจอ่อนตัวลงในรูปแบบ Soft Landing ส่งผลให้เม็ดเงินอาจไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงต้องจับตาความตึงเครียดในตะวันออกกลางว่าจะส่งผลอย่างไรต่อไป
การจ้างงานสหรัฐเดือนก.ย. พุ่งสูงสุดในรอบ 6 เดือน
การจ้างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนกันยายน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 254,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 147,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนสิงหาคมมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่ง
น้ำมัน WTI พุ่ง 0.9% รับแรงหนุนสงครามตะวันออกกลาง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ระดับ 74.38 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันถูกจำกัด เนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เตือนให้อิสราเอลหลีกเลี่ยงการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันของอิหร่าน
ทองคำอาจแตะ 45,000 บาท หากสงครามตะวันออกกลางรุนแรง
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มผันผวน โดยอาจปรับเพิ่มขึ้นและลดลงหลายรอบในวันเดียว อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด มีโอกาสที่ราคาทองคำในตลาดโลกจะทดสอบระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในเร็ว ๆ นี้ และอาจพุ่งแตะระดับ 45,000 บาทต่อบาททองคำในระยะยาว หากความขัดแย้งขยายวงกว้างขึ้น
นอกจากนี้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังมีความไม่แน่นอนและผันผวนสูงขึ้น เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดออกมาดี ส่งผลให้การลดดอกเบี้ยอาจชะลอลง อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นยังเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ดีหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) อาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นการกดดันราคาทองคำในระยะสั้น แต่ในระยะยาวค่าเงินดอลลาร์ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่า ขณะที่ทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ข่าวประจำวันที่ 8 ตุลาคม 2567
Gold อ่อนตัวลง
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลดลง ปิดที่ระดับ 2,642$/oz เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับขึ้นแตะระดับ 4.0% ส่งผลให้ทองคำ ซึ่งไม่มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนจากการถือครอง ถูกแรงเทขายจากนักลงทุน
ทั้งนี้ ประเมินว่าราคาทองคำกำลังเข้าสู่รูปแบบการเคลื่อนไหวแบบ Sideway down
พายุเฮอร์ริเคนกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวและเพิ่มค่าใช้จ่าย
หลังจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีน (Helene) พัดถล่ม 6 รัฐของสหรัฐฯ และคร่าชีวิตประชาชนกว่า 200 ราย เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง โดยโครงสร้างพื้นฐานและภาคธุรกิจ เช่น การผลิตและการขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบ ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว การฟื้นฟูจะใช้เวลานานและเพิ่มค่าใช้จ่ายในภาคการเงินและการประกันภัย นอกจากนี้ ราคาสินค้าบางประเภทอาจสูงขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน คาดว่าในสัปดาห์นี้พายุเฮอร์ริเคนมิลตัน (Milton) จะพัดถล่มสหรัฐฯ ต่อไป
Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย หลังข้อมูลการจ้างงานแข็งแกร่ง
ยาน ฮัตซิอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำสหรัฐฯ ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่ารายงานการจ้างงานในเดือนก.ย. ได้ "ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อตลาดแรงงาน" และช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับความต้องการแรงงานที่อาจซบเซาเร็วเกินไปจนทำให้การเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้ เขาคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องครั้งละ 0.25% จนถึงระดับ 3.25-3.5% ภายในเดือนมิ.ย. ปีหน้า
การปรับเปลี่ยนนี้ทำให้โกลด์แมน แซคส์ลดคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้าลง 5% เหลือเพียง 15%
Halifax เผย ราคาบ้านใน UK เดือนก.ย. 67 พุ่งสูงสุดนับตั้งแต่พ.ย. 65
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตัวเลขจากฮาลิแฟกซ์ (Halifax) ชี้ให้เห็นว่า ราคาบ้านใน UK ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเดือนส.ค.ที่ขยับขึ้น 4.3% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะพุ่งถึง 5.2%
เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ราคาบ้านในเดือนก.ย. ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% เท่ากับอัตราการเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าราคาบ้านจะเพิ่มขึ้น 0.4%
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลของรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าช่วงเดือนพ.ย. หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5% ในการประชุมเดือนที่แล้ว
ข่าวประจำวันที่ 9 ตุลาคม 2567
Gold อ่อนตัวแรง
ราคาทองคำอ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 2,621$/oz โดยมีสาเหตุมาจากความคาดหวังว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลอาจจะทำข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเผชิญแรงเทขาย
ส่วนในวันที่ 9 ต.ค. เวลา 1:00 น. จะมีรายงานผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของทองคำ โดยมองว่าทองคำเริ่มสูญเสียการทรงตัวในปัจจุบัน
หุ้น Magnificent Seven พุ่งนำโดย NVIDIA
หุ้นกลุ่ม "Magnificent Seven" พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้น NVIDIA ที่ปรับตัวขึ้น 4.1% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่หุ้น Microsoft บวก 1.2% หุ้น Apple พุ่งขึ้น 1.8% หุ้น Alphabet เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้น Amazon ดีดขึ้น 1.06% หุ้น Tesla พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้น Meta Platforms เพิ่มขึ้น 1.4%
ข่าวประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2567
Gold อ่อนตัวลงแรงหลังดัชนีดอลลาร์แข็งค่า
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ราคาทองคำปรับตัวลงสู่ระดับ 2,607$/oz เนื่องจากดัชนีดอลลาร์เร่งตัวจาก 102.42 เป็น 102.87 ซึ่งทำให้ดอลลาร์แข็งค่ากดดันราคาทองคำ
ส่วนในวันที่ 10 ต.ค. เวลา 19:30 น. จะมีการประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อเดือนกันยายนของสหรัฐ คาดการณ์ไว้ที่ 2.3%
ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มหดตัวลงในลักษณะ Sideway down
หุ้น Alphabet ปิดลบ 1.5%
หุ้น Alphabet ปิดลบ 1.5% หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อบังคับให้ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ขายธุรกิจบางส่วนออกไป ซึ่งรวมถึงเบราว์เซอร์ Chrome และระบบปฏิบัติการ Android เนื่องจากมองว่ากูเกิลใช้ทั้งสองเพื่อผูกขาดตลาดการค้นหาทางออนไลน์
ข่าวประจำวันที่ 11 ตุลาคม 2567
Gold มีแรงรีบาวด์ คาดติดแนวต้านสำคัญ
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมาราคาทองคำมีแรงรีบาวด์ระดับ 2,630$/oz สาเหตุมาจากดัชนีเงินเฟ้อเดือนกันยายนของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.4% แต่ต่ำกว่าครั้งที่ระดับ 2.5%
ส่วนในวันที่ 2 ต.ค. เวลา 19:30 น. มีประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ คาดการณ์ 0.1% ทั้งนี้มองการรีบาวด์ของทองคำทำได้จำกัด
เงินเฟ้อสหรัฐฯ ทรงตัวในกรอบ 2.4%-2.5% จากภาคบริการและราคาน้ำมัน
เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงมีแรงกดดันจากภาคบริการเป็นหลัก โดยเฉพาะในส่วนของอาหารและการขนส่ง คาดว่าเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมจะทรงตัวในกรอบ 2.4%-2.5% ส่วนหนึ่งของปัจจัยนี้มาจากการที่ราคาน้ำมันมีผลกระทบต่อราคาสินค้าในภาคบริการ แต่การรับรู้ของราคาน้ำมันจะช้ากว่า 2 สัปดาห์ จึงทำให้เงินเฟ้อในระยะนี้อาจยังคงอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างจากช่วงที่ผ่านมา
- อาหารและการขนส่ง : กลุ่มสินค้าภายในภาคบริการที่มีผลต่อเงินเฟ้อสูงสุดจะเป็นอาหารและค่าขนส่ง ซึ่งมีการปรับราคาตามต้นทุนการผลิตและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูง
- คาดการณ์เงินเฟ้อ : การทรงตัวในกรอบ 2.4%-2.5% ในเดือนตุลาคมหมายความว่า แม้ราคาน้ำมันและต้นทุนการขนส่งอาจยังคงสูง แต่แรงกดดันจากภาคบริการอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมากในระยะสั้น
- ผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลาง : เงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับดังกล่าวอาจช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ทำให้ผู้ลงทุนและตลาดการเงินจับตามองการเคลื่อนไหวของดอกเบี้ยในช่วงถัดไป
บอสติก สนับสนุนให้เฟดคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย.
ราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ได้แสดงความคิดเห็นล่าสุดว่า เขาสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อและการจ้างงานที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความผันผวน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน บอสติกชี้ว่า แม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยลดแรงกดดันเงินเฟ้อบางส่วน แต่ความผันผวนของข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในขณะนี้
นอกจากนี้ เขายังเสริมว่า เฟดยังจำเป็นต้องติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมองว่าการตัดสินใจในอนาคตจะต้องพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อและการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ