สรุปข่าวประจำสัปดาห์ วันที่ 21 - 25 ตุลาคม 2567

ข่าวประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2567

Gold ปรับตัวขึ้นแรงช่วงปลายสัปดาห์

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 2,721$/oz จากผลกระทบของการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ที่ลดลงจาก 103.80 สู่ระดับ 103.46 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนในวันที่ 21 ต.ค. เวลา 21:00 น. นักลงทุนควรจับตาการประชุมของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งอาจชี้ทิศทางสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้มองแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงหนัก จากความกังวลในจีนและตะวันออกกลาง

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.4% โดยเป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในสัปดาห์นี้ด้วยการลดลงสะสมถึง 2.6% ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวย่ำแย่มาจากราคาน้ำมันดิบของสหรัฐที่ดิ่งลงถึง 7% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่อาจชะลอตัวลง และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย

ข่าวประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2567

Gold แกว่งตัวผันผวนก่อนอ่อนตัวลง

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำอ่อตัวลงปิดที่ระดับ 2,719$/oz สาเหตุหลักมาจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจาก 103.46 สู่ 103.96 ซึ่งส่งผลกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง

ส่วนในวันที่ 22 ต.ค. เวลา 21:00 น. มีประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิต สาขาริชมอนด์ โดยมีการคาดการณ์ไว้ที่ -19 รวมถึงยังมีถ้อยแถลงของ Patrick Harker สมาชิกเฟดในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะสะท้อนมุมมองสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ หากดัชนีดอลลาร์สามารถเบรกแนวต้านบริเวณ 103.80 ได้สำเร็จ อาจชี้สัญญาณเข้าสู่ขาขึ้นอย่างชัดเจน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่ง อาจส่งผลต่อการลงทุนและการจ่ายเงินปันผล

การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์สำคัญในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองในสหรัฐ ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจากการชำระเงินกู้จำนองที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ต้นทุนการชำระหนี้ที่สูงขึ้นนี้ยังส่งผลกระทบต่อบริษัทต่าง ๆ โดยอาจทำให้บริษัทต้องลดการลงทุนและการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น

ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 1.94%

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพฤศจิกายนปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.94% ปิดที่ระดับ 70.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การปรับตัวขึ้นครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยมีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจตอบโต้ทางการทหารต่ออิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในภูมิภาคนี้และสร้างแรงกดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น

ข่าวประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2567

Gold อ่อนตัวลง

เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำอ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 2,715$/oz สาเหตุมาจากเผชิญแรงเทขายทำกำไร ประกอบกับดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจาก 104.09 สู่ 104.42 ซึ่งกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลง

ส่วนในวันที่ 24 ต.ค. เวลา 19:30 น. นักลงทุนควรจับตาการประกาศตัวเลขยอดผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยคาดการณ์ไว้ที่ 243,000 ราย รวมถึงตัวเลขดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการในเวลา 20:45 น. ที่คาดไว้ที่ 47.5 และ 55.0 ตามลำดับ

ทั้งนี้แม้ว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวลงในระยะสั้น แต่วิกฤตการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อิสราเอลอาจโจมตีอิหร่าน อาจส่งผลหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งสูงสุดในรอบ 3 เดือน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.255% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นมาจากคำแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย รวมถึงแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก, ลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส และนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ที่สนับสนุนให้เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการให้การเปลี่ยนแปลงทางการเงินดำเนินไปอย่างสมดุล

หุ้นแมคโดนัลด์ร่วง 5.12% หลังรายงานการระบาดเชื้ออีโคไล

หุ้นแมคโดนัลด์ปรับตัวลดลงถึง 5.12% หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) รายงานพบการระบาดของเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E. coli) ที่เชื่อมโยงกับเมนูเบอร์เกอร์ควอเตอร์ พาวน์เดอร์ (Quarter Pounder) ของแมคโดนัลด์ เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลถึง 10 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยรายหนึ่งที่มีภาวะฮีโมไลติกยูรีมิก (Hemolytic uremic syndrome) ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่อาจทำให้เกิดไตวาย สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและกระทบความเชื่อมั่นต่อแบรนด์

Tesla โชว์กำไร 3Q24 สูงกว่าคาด ดันราคาหุ้นพุ่ง 12%

Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2024 ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ปรับแล้วอยู่ที่ 0.72 ดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์จาก LSEG คาดไว้ที่ 0.58 ดอลลาร์

ขณะที่รายได้อยู่ที่ 25,180 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะต่ำกว่าประมาณการเล็กน้อยที่ 25,370 ล้านดอลลาร์ แต่ก็เติบโตขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และส่งผลให้ราคาหุ้น Tesla พุ่งขึ้นถึง 12% ก่อนการเปิดตลาด

รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2,170 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 62 เซนต์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1,850 ล้านดอลลาร์ หรือ 53 เซนต์ต่อหุ้น สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและส่งผลให้หุ้นปรับตัวขึ้น

ข่าวประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2567

Gold ราคาทองคำรีบาวด์เล็กน้อย

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นปิดที่ระดับ 2,736$/oz โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (US10Y) และดัชนีดอลลาร์ที่ปรับลดลงจากระดับ 104.42 มาอยู่ที่ 104.02 ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนในวันที่ 25 ต.ค. เวลา 19:30 น. นักลงทุนควรจับตาการประกาศตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง -1.1%

ทั้งนี้ แนวโน้มราคาทองคำยังมีปัจจัยบวกจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อิสราเอลอาจพิจารณาตอบโต้ทางทหารต่ออิหร่าน ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้น

หุ้น Tesla พุ่ง 21.9% ส่งผลมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 140,000 ล้านดอลลาร์

หุ้น Tesla ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 21.9% ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 140,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทประกาศผลกำไรในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ซึ่งดีกว่าคาดการณ์อย่างมาก นอกจากนี้ Tesla ยังสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนด้วยการคาดการณ์ยอดขายในปีหน้าจะเติบโตระหว่าง 20% ถึง 30% ข้อมูลดังกล่าวช่วยเสริมความเชื่อมั่นในอนาคตของบริษัทและกระตุ้นให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

หุ้นโบอิ้งและ IBM กดดันดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ

หุ้นโบอิ้งปรับตัวลดลง 1.18% และหุ้น IBM ร่วง 6.17% ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นโบอิ้งร่วงเกิดจากการลงมติของช่างเครื่องที่คัดค้านข้อตกลงฉบับใหม่ซึ่งบริษัทเสนอให้ปรับขึ้นเงินเดือน 35% ในระยะเวลา 4 ปี พร้อมทั้งมีการขยายเวลาการผละงานประท้วงออกไปอีก

ในขณะเดียวกัน หุ้น IBM ก็ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อหุ้นทั้งสองบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 0.82%

สัญญาน้ำมันดิบ WTI สำหรับการส่งมอบในเดือนธันวาคมลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 70.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐฯ และอิสราเอลกำลังพยายามผลักดันให้เกิดการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในภูมิภาคและอาจมีผลต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น