เงินบาทแข็งค่า 10% ในเวลาเพียง 2 เดือน ส่งผลให้ 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 32.68 บาท (ณ วันที่ 25 ก.ย.) ทำให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทายในการลงทุนและการทำธุรกิจ ดังนี้
ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า
- ผู้นำเข้าสินค้าและบริการ – สินค้านำเข้าราคาถูกลง ช่วยลดต้นทุนการผลิตและบริการ
- นักท่องเที่ยวไทย – การท่องเที่ยวต่างประเทศถูกลง เมื่อแลกเงินบาทได้มากขึ้น
- นักเรียนและผู้ปกครอง – ค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อต่างประเทศลดลง
- ผู้มีหนี้ต่างประเทศ – ใช้เงินบาทน้อยลงในการชำระหนี้ต่างประเทศ
- นักลงทุนในต่างประเทศ – การลงทุนมีต้นทุนลดลง ทำให้สามารถซื้อทรัพย์สินหรือทำธุรกรรมได้มากขึ้น
ผู้ที่เสียประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า
- ผู้ส่งออกสินค้าและบริการ – สินค้าส่งออกแพงขึ้น ทำให้แข่งขันในตลาดโลกยากขึ้น
- เกษตรกรและธุรกิจท่องเที่ยว – การส่งออกและการท่องเที่ยวลดลง เนื่องจากความต้องการจากต่างประเทศลดลง
- ผู้ที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ – รายได้ที่แปลงกลับมาเป็นเงินบาทน้อยลง เช่น แรงงานไทยในต่างประเทศ หรือผู้ที่รับรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศ
โดยรวมแล้ว แม้เงินบาทแข็งค่าจะมีประโยชน์ในการลดต้นทุนและช่วยลดเงินเฟ้อ แต่ก็ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว คนที่ได้ประโยชน์ควรคว้าโอกาสนี้ไว้ ในขณะที่ผู้ที่เสียประโยชน์ควรหาวิธีลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน