สารบัญ
คู่สกุลเงินคืออะไร?
ลักษณะของคู่สกุลเงินหลัก
ประเภทของคู่สกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขาย
- คู่สกุลเงินขั้นต่ำ
- คู่สกุลเงินหลากหลาย
เกณฑ์ในการเลือกคู่สกุลเงิน
- ช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหว
- ความผันผวน
- ต้นทุนของการซื้อขาย
โดยสรุป
ผู้เริ่มต้นเทรดมักจะถามตัวเองว่า ควรเลือกคู่สกุลเงินใดสำหรับการซื้อขาย? ในบทความนี้ เราจะพูดถึงคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและแจกแจงเกณฑ์ในการเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
คู่สกุลเงินคืออะไร?
A currency pair is the quotation of two different currencies that constitutes a currency rate and acts as an object of operations in currency exchange.
มุมมองมาตรฐานของคู่สกุลเงินคือ “สกุลเงินหลัก/สกุลเงินอ้างอิง” (Base currency/Quote currency)
การดำเนินการซื้อขายหมายถึงผู้ซื้อขายขายหรือซื้อสกุลเงินหลักเทียบกับสกุลเงินอ้างอิง
สกุลเงินหลัก คือสกุลเงินที่อยู่ทางด้านซ้าย – เป็นสกุลเงินที่คุณขายหรือซื้อ
สกุลเงินอ้างอิง คือสกุลเงินที่อยู่ทางด้านขวา – เป็นตัวแสดงราคาของสกุลเงินหลัก
ตัวอย่างเช่น ลองดูที่คู่สกุลเงิน EUR/USD (ยูโรเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ)
- EUR คือ ยูโร ซึ่งเป็นสกุลเงินหลัก
- USD คือ ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินอ้างอิง
- อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันของ EUR/USD คือ 1.1270 ซึ่งหมายความว่า 1 ยูโรมีค่าเท่ากับ 1.1270 ดอลลาร์สหรัฐ
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแสดงถึงความเคลื่อนไหวปัจจุบันของการค้าระดับโลก โดยมีคู่สกุลเงินจำนวนมาก ตั้งแต่คู่ที่เป็นที่รู้จักไปจนถึงคู่ที่แปลกใหม่ คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งคิดเป็นปริมาณการค้าระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า คู่สกุลเงินหลัก ซึ่งมักถูกใช้ในการซื้อขายมากที่สุด
ลักษณะของคู่สกุลเงินหลัก
คู่สกุลเงินหลักในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศประกอบด้วยสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเศรษฐกิจโลก ในปัจจุบันสกุลเงินเหล่านี้ได้แก่ USD (ดอลลาร์สหรัฐ), EUR (ยูโร), JPY (เยนญี่ปุ่น), CHF (ฟรังก์สวิส), GBP (ปอนด์สเตอร์ลิง), NZD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์), AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย), และ CAD (ดอลลาร์แคนาดา)
นอกจากนี้ยังมี CNH หรือหยวนจีน ซึ่งควรถูกเพิ่มในรายชื่อนี้ด้วย แต่เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนของหยวนถูกควบคุมโดยธนาคารกลางของจีน จึงทำให้ CNH ไม่ถูกซื้อขายอย่างคล่องตัวเท่ากับคู่สกุลเงินหลักอื่น ๆ
- EUR/USD (ยูโร vs ดอลลาร์สหรัฐ): เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงสุด สเปรดต่ำ และความผันผวนอยู่ในระดับปานกลาง มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงตลาดยุโรปและสหรัฐฯ และตอบสนองอย่างชัดเจนต่อข่าวสารในยูโรโซน
- USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ vs ฟรังก์สวิส): ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับคู่ EUR/USD โดยมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างสงบและสเปรดต่ำ ฟรังก์สวิสถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้คู่สกุลเงินนี้อาจมีการปรับตัวลงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงตลาดยุโรปและสหรัฐฯ
- GBP/USD (ปอนด์สเตอร์ลิง vs ดอลลาร์สหรัฐ): คู่สกุลเงินนี้มีความผันผวนสูงและได้รับความนิยมในหมู่นักเทรด โดยอาจแสดงการเคลื่อนไหวที่รุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ หรือทำให้ Stop Loss ที่อยู่ใกล้เคียงถูกกระตุ้นด้วยการเบรกหลอก ปอนด์มีการตอบสนองอย่างมากต่อเหตุการณ์ทางการเมืองและข้อมูลเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักร โดยมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงตลาดยุโรปและสหรัฐฯ
- USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ vs เยนญี่ปุ่น): เยนญี่ปุ่นเป็นสกุลเงินที่มีลักษณะเฉพาะ อาจเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับคู่สกุลเงินหลักอื่น ๆ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จึงมีแนวโน้มปรับตัวลงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และในทางตรงกันข้าม อาจเติบโตในช่วงที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มขึ้น โดยมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงตลาดเอเชีย
- USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ vs ดอลลาร์แคนาดา): ดอลลาร์แคนาดาเป็นสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันจะกดดันให้คู่สกุลเงินนี้ปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันที่ลดลงจะดันให้คู่สกุลเงินนี้ปรับตัวขึ้น มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงตลาดสหรัฐฯ
- AUD/USD และ NZD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย vs ดอลลาร์สหรัฐ และ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ vs ดอลลาร์สหรัฐ): คู่สกุลเงินเหล่านี้มีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน โดยปกติแล้วจะเคลื่อนไหวอย่างสงบ และได้รับอิทธิพลจากราคาสินแร่และนมผง โดยมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงตลาดเอเชีย
นอกเหนือจากคู่สกุลเงินหลักแล้ว นักเทรดก็ยังนิยมใช้ “คู่สกุลเงินแบบครอส” หรือคู่สกุลเงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่
- EUR/JPY (ยูโร vs เยนญี่ปุ่น)
- GBP/JPY (ปอนด์สเตอร์ลิง vs เยนญี่ปุ่น)
- EUR/GBP (ยูโร vs ปอนด์สเตอร์ลิง)
- EUR/CHF (ยูโร vs ฟรังก์สวิส)
- GBP/CHF (ปอนด์สเตอร์ลิง vs ฟรังก์สวิส)
- EUR/CAD (ยูโร vs ดอลลาร์แคนาดา)
- GBP/CAD (ปอนด์สเตอร์ลิง vs ดอลลาร์แคนาดา)
คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมในกลุ่มที่เรียกว่า “เอ็กโซติก” หรือคู่สกุลเงินท้องถิ่น ได้แก่
- USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ vs แรนด์แอฟริกาใต้)
- USD/MXN (ดอลลาร์สหรัฐ vs เปโซเม็กซิโก)
- USD/TRY (ดอลลาร์สหรัฐ vs ลีราตุรกี)
ประเภทของคู่สกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขาย
หลายคนที่ทำการซื้อขายมักสงสัยว่าควรใช้คู่สกุลเงินกี่คู่ในการซื้อขาย มีสองแนวทางในการเลือกขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายของคุณ
- คู่สกุลเงินขั้นต่ำ
แนวทางนี้อิงตามข้อเท็จจริงที่ว่าคู่สกุลเงินแต่ละคู่มีลักษณะเฉพาะของมัน และความละเอียดของการเคลื่อนไหวของมันสามารถศึกษาจากการมุ่งเน้นที่หนึ่งหรือสองคู่สกุลเงิน โดยต้องใช้เวลาศึกษาคู่สกุลเงินหนึ่งคู่ให้เชี่ยวชาญ และเรียนรู้ปัจจัยที่มีผลต่อมัน เช่น ข่าวสำคัญ สถิติทางเศรษฐกิจมหภาค เป็นต้น - คู่สกุลเงินหลากหลาย
แนวทางนี้อิงจากการใช้พฤติกรรมการซื้อขายบางรูปแบบ เช่น รูปแบบ Price Action รูปแบบแท่งเทียน ฯลฯ เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะหาพฤติกรรมบางอย่างบนกราฟราคาและได้ทดสอบความมีประสิทธิภาพของมันแล้ว คุณสามารถเริ่มต้นการซื้อขายได้ สำหรับแนวทางนี้การใช้คู่สกุลเงินจำนวนมากเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล คุณจะสามารถสแกนกราฟ หารูปแบบ และเริ่มการซื้อขายได้
เกณฑ์ในการเลือกคู่สกุลเงิน
เกณฑ์และลักษณะบางประการของคู่สกุลเงินจะช่วยให้คุณเลือกคู่ที่เหมาะสมที่สุด ตลาดสกุลเงินมีลักษณะพิเศษคือมีสภาพคล่องสูงมาก ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้อาจถูกละเลยได้ เนื่องจากมีอุปสงค์และอุปทานอยู่เสมอ ต่อไปนี้คือสามเกณฑ์ที่สำคัญที่สุด ได้แก่
- ช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหว
คู่สกุลเงินแต่ละคู่จะมีช่วงเวลาที่เคลื่อนไหวมากที่สุด ซึ่งนี่คือเวลาที่ปริมาณการซื้อขายมากที่สุด และราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น คู่ USD/JPY คู่ AUD/USD และ คู่ NZD/USD จะเคลื่อนไหวในช่วงเช้าตรู่ ในระหว่างช่วงการซื้อขายของเอเชีย
นี่คือเวลาที่ข่าวที่อาจส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนถูกเผยแพร่ หากคุณซื้อขายเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งในระหว่างวัน ควรเลือกคู่สกุลเงินที่เคลื่อนไหวมากที่สุดในช่วงเวลาที่คุณสามารถซื้อขายได้ - ความผันผวน
ความผันผวนคือช่วงการเปลี่ยนแปลงของคู่สกุลเงินในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปเราประเมินความผันผวนในกราฟ D1 ดังนั้น คู่สกุลเงินบางคู่จะเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ ในขณะที่บางคู่อยู่ในช่วงกว้าง
ยิ่งคู่สกุลเงินมีความผันผวนสูงเท่าไหร่ กำไรที่เป็นไปได้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Stop Loss ก็ต้องสูงเช่นกัน นี่คือสิ่งที่แต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าแบบไหนที่เหมาะสมกับพวกเขาที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ความผันผวนสูงที่มี SL สูง หรือความผันผวนต่ำที่มี SL ที่พอประมาณเท่ากัน เพื่อประเมินและเปรียบเทียบความผันผวนของคู่สกุลเงินต่าง ๆ ให้ลองใช้เครื่องมืออินดิเคเตอร์ที่เรียกว่า ATR (Average True Range) - ต้นทุนของการซื้อขาย
อีกเกณฑ์ที่สำคัญในการเลือกคู่สกุลเงินคือต้นทุนของการซื้อขาย ในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินค่าใช้จ่ายปกติคือสเปรด ซึ่งก็คือความต่างระหว่างราคาซื้อและขาย ในบัญชี ECN ขั้นสูง สเปรดจะน้อยมาก แต่จะมีค่าคอมมิชชั่นเล็กน้อยสำหรับการทำธุรกรรม โดยทั่วไปคู่สกุลเงินหลักจะมีสเปรดต่ำสุด สเปรดของคู่เงินครอสจะสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่คู่เงินแปลกใหม่หรือเอ็กโซติกจะมีสเปรดที่สูงขึ้น
โดยสรุป
การเลือกคู่สกุลเงินสำหรับการซื้อขายต้องอาศัยการปรับตามลักษณะส่วนบุคคล ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน เราแนะนำให้ผู้เริ่มต้นเริ่มเทรดด้วยคู่สกุลเงินหลัก โดยขึ้นอยู่กับสไตล์การซื้อขายของคุณ คุณอาจมุ่งเน้นไปที่คู่เดียวหรือซื้อขายหลายคู่ ตามสามเกณฑ์สำคัญ – ช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหว ความผันผวน และต้นทุนของการซื้อขาย – หากคุณปฏิบัติตามเกณฑ์เหล่านี้ มันจะช่วยให้คุณเลือกได้อย่างถูกต้อ