สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกับบทวิเคราะห์คู่สกุลเงิน EUR/USD GBP/USD และ XAU/USD ประจำสัปดาห์ที่สองของเดือนธันวาคม ในระหว่างวันที่ 9 - 13 ธันวาคม 2567
EUR/USD “ยูโร เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ EUR/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซน (Eurozone Sentix Investor Confidence) (9 ธันวาคม) : ตัวชี้วัดนี้สะท้อนระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจในยูโรโซน หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดการณ์ อาจเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินยูโร แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี (German CPI) (10 ธันวาคม) : ตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อในเยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยูโรโซน หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น
- การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB Meeting) (12 ธันวาคม) : หาก ECB แสดงจุดยืนที่เข้มงวดด้านนโยบายการเงิน (Hawkish) อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ค่าเงินยูโรแข็งค่า อย่างไรก็ตาม หากมีมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจยูโรโซน อาจสร้างแรงกดดันเชิงลบต่อค่าเงินยูโร
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting) (11 ธันวาคม) : หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) แสดงท่าทีเข้มงวดทางการเงิน (Hawkish) และส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินยูโร อย่างไรก็ตาม หาก Fed แสดงจุดยืนผ่อนคลายทางการเงิน (Dovish) อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้น
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. CPI) (13 ธันวาคม) : ตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินยูโร แต่หากตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์ ค่าเงินยูโรอาจได้รับแรงหนุนและปรับตัวแข็งค่าขึ้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1.06300 แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ แนะนำให้เฝ้าสังเกตราคาอย่างใกล้ชิด หากราคายังคงไม่สามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ อาจพิจารณาหาจังหวะ Sell โดยมีเป้าหมายที่ฐานราคาด้านล่าง ซึ่งอาจลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1.03300
ในกรณีที่ราคาสามารถ Break out ทะลุแนวต้าน 1.06300 ได้ แนะนำให้รอสัญญาณยืนยันก่อนดำเนินการใด ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการกลับตัวของราคา
GBP/USD “ปอนด์อังกฤษ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ GBP/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
- ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยของสหราชอาณาจักรจาก Halifax (U.K. Halifax House Price Index) (10 ธันวาคม) : ตัวชี้วัดนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่อยู่อาศัยของสหราชอาณาจักร หากราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจส่งผลบวกต่อค่าเงินปอนด์ แต่หากราคาปรับลดลง อาจกดดันให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง
- คำแถลงการณ์จากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE Statement) (10 ธันวาคม) : หากธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณเชิงเข้มงวดทางการเงิน (Hawkish) อาจช่วยหนุนให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่า แต่หากแถลงการณ์มีลักษณะผ่อนคลาย (Dovish) อาจสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินปอนด์
- ข้อมูลดุลการค้าของสหราชอาณาจักร (U.K. Trade Balance) (13 ธันวาคม) : หากตัวเลขดุลการค้าแสดงถึงการปรับปรุง (ลดการขาดดุลการค้า) อาจสนับสนุนให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่า ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลขบ่งชี้ถึงการขาดดุลที่แย่ลง อาจส่งผลลบต่อค่าเงินปอนด์
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting) (11 ธันวาคม) : หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณเชิงเข้มงวด (Hawkish) เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกดดันให้ค่าเงินปอนด์อ่อนลง แต่หาก Fed ส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลาย (Dovish) ค่าเงินปอนด์อาจได้รับแรงหนุน
- คำขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (12 ธันวาคม) : หากตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาดีกว่าคาดการณ์ อาจช่วยสนับสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินปอนด์ อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขออกมาแย่กว่าคาด ค่าเงินปอนด์อาจปรับตัวแข็งค่าขึ้น
- ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (U.S. PPI) (12 ธันวาคม) : ตัวชี้วัดนี้สะท้อนภาวะเงินเฟ้อในภาคการผลิต หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ค่าเงินดอลลาร์อาจได้รับแรงหนุน ซึ่งอาจกดดันค่าเงินปอนด์ให้ปรับตัวลดลง
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. CPI) (13 ธันวาคม) : ตัวเลขเงินเฟ้อในฝั่งผู้บริโภค หากออกมาสูงกว่าคาดการณ์ อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกดดันค่าเงินปอนด์ แต่หากตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์ ค่าเงินปอนด์อาจได้รับแรงหนุนจากการเคลื่อนไหวดังกล่าว
ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป ที่ส่งผลต่อ GBP/USD
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซน (Eurozone Sentix Investor Confidence) (9 ธันวาคม) : แม้ว่าดัชนีนี้ไม่ได้มาจากสหราชอาณาจักรโดยตรง แต่มีศักยภาพในการส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดยุโรปโดยรวม หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดการณ์ อาจช่วยหนุนค่าเงินปอนด์ทางอ้อมผ่านการปรับตัวในตลาดการเงินที่เกี่ยวข้อง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาปัจจุบันได้ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1.28100 แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ แนะนำให้รอจนกว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1.28700-1.28500 หากราคายังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านนี้ได้ อาจพิจารณาเปิด Sell โดยมีเป้าหมายที่แนวรับบริเวณ 1.25000 อย่างไรก็ตาม หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ ควรรอดูพฤติกรรมของราคาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจดำเนินการใด ๆ เพื่อยืนยันแนวโน้มที่ชัดเจน
XAU/USD “ทองคำ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ XAU/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อทองคำ
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยูโรโซน (Eurozone Sentix Investor Confidence) (9 ธันวาคม) : ตัวเลขนี้สามารถส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หากความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง อาจทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ แต่หากตัวเลขออกมาดีขึ้น อาจกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี (German CPI) (10 ธันวาคม) : ตัวเลขเงินเฟ้อจากประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน หากออกมาสูงกว่าคาด อาจเพิ่มความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting) (11 ธันวาคม) : หาก Federal Reserve ส่งสัญญาณ Hawkish เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น และกดดันราคาทองคำ แต่หากส่งสัญญาณ Dovish ราคาทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบาย
- คำขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (12 ธันวาคม) : ตัวเลขนี้สะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน หากตัวเลขดีกว่าคาด อาจสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ และส่งผลลบต่อราคาทองคำ แต่หากตัวเลขแย่ลง ราคาทองคำอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น
- ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (U.S. PPI) (12 ธันวาคม) : ตัวเลขนี้แสดงภาวะเงินเฟ้อในภาคการผลิต หากสูงกว่าคาด ดอลลาร์อาจแข็งค่า และกดดันราคาทองคำ แต่หากต่ำกว่าคาด ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. CPI) (13 ธันวาคม) : ตัวเลขเงินเฟ้อจากฝั่งผู้บริโภค หากออกมาสูงกว่าคาด ดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ แต่หากต่ำกว่าคาด ราคาทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำอยู่ในกรอบ Sideway ระหว่าง 2600-2670 และยังไม่แสดงทิศทางที่ชัดเจน อาจเคลื่อนไปได้ทั้งในทิศทางขึ้นและลง ล่าสุดตัวเลข NFP ที่ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ แต่ราคาทองยังไม่ได้ยืนยันการปรับตัวลงแต่อย่างใด นอกจากนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีข่าวว่าธนาคารกลางจีนได้เข้าซื้อทองคำเพิ่ม ทำให้ราคาทองในสัปดาห์นี้อาจมีการปรับตัวขึ้นได้ แนะนำให้รอดูทิศทางราคาที่ชัดเจนก่อนการเปิดออเดอร์ เพราะราคามีความเป็นไปได้ทั้งขึ้นและลงในขณะนี้สำหรับคู่ XAU/USD
Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากโค้ชของสถาบัน RoboAcademy ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน