สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกับบทวิเคราะห์คู่สกุลเงิน EUR/USD GBP/USD และ XAU/USD ประจำสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม ในระหว่างวันที่ 7 - 11 ตุลาคม 2567
EUR/USD “ยูโร เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ EUR/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป
- ความคาดหวังเงินเฟ้อของเขตยูโรโซน (8 ตุลาคม) : ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้ความสำคัญกับความคาดหวังเงินเฟ้ออย่างมาก หากความคาดหวังยังคงสูง อาจทำให้ ECB ใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งขึ้น แต่หากความคาดหวังลดลง อาจส่งสัญญาณว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อคลายตัว และทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนลง
- ยอดขายปลีกเขตยูโรโซน เดือนกันยายน (10 ตุลาคม) : ข้อมูลนี้จะชี้ถึงสุขภาพของการใช้จ่ายผู้บริโภคในเขตยูโรโซน หากยอดขายปลีกออกมาดีกว่าที่คาด อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโรให้แข็งขึ้น แต่หากออกมาต่ำกว่าที่คาดอาจทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนลง
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB Business Optimism Index) (8 ตุลาคม) : ดัชนีนี้วัดความเชื่อมั่นของเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ หากความเชื่อมั่นยังคงแข็งแกร่ง อาจเป็นปัจจัยบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ และอาจทำให้คู่ EUR/USD ปรับตัวลดลง
- การกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟด (9 ตุลาคม) : เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ Logan และ Williams มีกำหนดการกล่าวสุนทรพจน์ หากท่าทีสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจทำให้ดอลลาร์แข็งขึ้น แต่หากมีท่าทีอ่อนลง ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนลง และส่งผลให้ EUR/USD ปรับตัวสูงขึ้น
- ข้อมูลสินค้าคงคลังค้าส่งของสหรัฐฯ (Wholesale Inventories) (9 ตุลาคม) : หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด อาจแสดงถึงความต้องการที่อ่อนแอในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์
- ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (10 ตุลาคม) : หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการสูงขึ้นกว่าที่คาด อาจส่งผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์ แต่หากลดลง อาจช่วยหนุนดอลลาร์แข็งขึ้น
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (Preliminary Consumer Sentiment) (11 ตุลาคม) : หากความเชื่อมั่นผู้บริโภคแข็งแกร่ง อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น และส่งผลให้ EUR/USD ปรับตัวลดลง แต่หากความเชื่อมั่นอ่อนลง อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโร
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาได้มีการปรับตัวลงมาถึงแนวรับที่ 1.09500 และมีการดีดตัวขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากพิจารณาว่าราคาได้ทำลายโครงสร้างเดิม อาจมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อไปได้อีก
แนะนำการเปิดสถานะ Sell แบบสั้น ๆ โดยคาดหวังให้ราคาหลุดแนวรับที่ 1.09500 และลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1.08825 นอกจากนี้หากต้องการหาจุด Sell เพิ่มเติม แนะนำที่โซนราคา 1.10150 ซึ่งเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ
GBP/USD “ปอนด์อังกฤษ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ GBP/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
- ข้อมูลความคาดหวังเงินเฟ้อของอังกฤษ (8 ตุลาคม) : ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ติดตามความคาดหวังเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดเพื่อนำไปสู่การวางแนวนโยบาย หากความคาดหวังยังคงสูง BoE อาจคงท่าทีเข้มงวดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยหนุนค่าเงินปอนด์ให้แข็งขึ้น แต่หากความคาดหวังลดลง อาจส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนลง
- ข้อมูลยอดขายปลีกอังกฤษ (10 ตุลาคม) : ยอดขายปลีกเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการใช้จ่ายผู้บริโภค หากข้อมูลออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ อาจส่งผลบวกต่อค่าเงินปอนด์ แต่หากยอดขายออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ อาจกดดันให้ค่าเงินปอนด์อ่อนลง
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB) (8 ตุลาคม) : ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ สะท้อนถึงสุขภาพเศรษฐกิจ หากข้อมูลออกมาดี อาจสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันให้คู่ GBP/USD อ่อนลง
- การกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟด (9 ตุลาคม) : เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ Logan และ Williams จะกล่าวสุนทรพจน์ หากพวกเขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นและกดดัน GBP/USD แต่หากมีท่าทีอ่อนลง เงินปอนด์อาจแข็งค่าขึ้น
- ข้อมูลสินค้าคงคลังค้าส่งของสหรัฐฯ (9 ตุลาคม) : หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด อาจสะท้อนถึงความต้องการที่ลดลงในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์
- ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (10 ตุลาคม) : ข้อมูลนี้จะบ่งชี้สภาพตลาดแรงงานในสหรัฐฯ หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสูงขึ้นกว่าที่คาด อาจเป็นผลลบต่อค่าเงินดอลลาร์
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (11 ตุลาคม) : ดัชนีนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากข้อมูลออกมาดีกว่าที่คาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันให้คู่ GBP/USD อ่อนลง แต่หากความเชื่อมั่นอ่อนลง อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและหนุนค่าเงินปอนด์
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคากำลังเคลื่อนตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1.30400 แต่มีการดีดตัวขึ้นเล็กน้อย สถานการณ์นี้คล้ายกับ EUR/USD โดยแนะนำให้มองหาโอกาสเปิด Sell ระยะสั้น
จุดที่น่าสนใจในการเปิดสถานะ Sell อยู่ที่บริเวณราคา 1.32300 โดยคาดหวังให้ราคาปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ 1.30400
XAU/USD “ทองคำ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ XAU/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อทองคำ
- ความคาดหวังเงินเฟ้อเขตยูโรโซน (8 ตุลาคม) : หากความคาดหวังเงินเฟ้อยังคงสูง อาจกระตุ้นความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่หากความคาดหวังลดลง อาจกดดันราคาทองคำ เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
- ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดเล็กสหรัฐฯ (NFIB) (8 ตุลาคม) : หากดัชนีนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กที่แข็งแกร่ง บ่งบอกถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงเติบโต ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลง แต่หากความเชื่อมั่นลดลง ราคาทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากการเปลี่ยนทิศทางการลงทุนมาที่สินทรัพย์ปลอดภัย
- การกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟด (9 ตุลาคม) : หากเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Logan และ Williams ส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ แต่หากมีท่าทีผ่อนคลายเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
- ข้อมูลสินค้าคงคลังค้าส่งของสหรัฐฯ (9 ตุลาคม) : หากสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นและบ่งชี้ถึงความต้องการในสหรัฐฯ ที่ลดลง อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนที่หันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย
- ข้อมูลยอดขายปลีกยูโรโซน (10 ตุลาคม) : หากยอดขายปลีกออกมาดีกว่าคาดการณ์ อาจลดความต้องการทองคำ เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่หากข้อมูลยอดขายแย่กว่าที่คาด ทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจยูโรโซน
- ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ (10 ตุลาคม) : หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้นเกินคาด อาจเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังชะลอตัว ซึ่งอาจหนุนราคาทองคำจากการหันเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย แต่หากตัวเลขลดลง อาจกดดันราคาทองคำ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (11 ตุลาคม) : หากดัชนีนี้สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ แต่หากความเชื่อมั่นลดลง ทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ช่วงนี้ควรเทรดอย่างระมัดระวัง เพราะราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวทั้งในทิศทางขึ้นหรือลง โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 2625-2690 ซึ่งสามารถใช้กลยุทธ์ Buy ที่บริเวณแนวรับล่างและ Sell ที่แนวต้านบนภายในกรอบนี้
อย่างไรก็ตามต้องระวังความผันผวน เนื่องจากทองคำอาจปรับฐานรุนแรงลงมาถึงแนวรับที่ 2600
Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากโค้ชของสถาบัน RoboAcademy ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน