วิเคราะห์กราฟแบบแม่นเป๊ะ กับโค้ชมาร์ค RoboAcademy วันที่ 21 - 25 ตุลาคม 2567

สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกับบทวิเคราะห์คู่สกุลเงิน EUR/USD GBP/USD และ XAU/USD ประจำสัปดาห์ที่สี่ของเดือนตุลาคม ในระหว่างวันที่ 21 - 25 ตุลาคม 2567

EUR/USD “ยูโร เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ EUR/USD ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (21 ตุลาคม) : ดัชนีนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซน หากความเชื่อมั่นออกมาแข็งแกร่ง อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโร เนื่องจากผู้บริโภคมองอนาคตเศรษฐกิจในทางบวก แต่หากลดลง ค่าเงินยูโรอาจอ่อนตัวลง
  • ดัชนี PMI ของเยอรมนีและยูโรโซน (22 ตุลาคม) : PMI เป็นดัชนีที่วัดสุขภาพของภาคการผลิตและบริการ หากตัวเลข PMI แข็งแกร่ง จะสะท้อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น แต่หาก PMI ต่ำกว่าที่คาดการณ์ ค่าเงินยูโรอาจอ่อนลง
  • คำแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (23 ตุลาคม) : หากเจ้าหน้าที่ ECB แสดงความเห็นในเชิงบวกเกี่ยวกับนโยบายการเงิน อาจหนุนค่าเงินยูโร แต่หากส่งสัญญาณความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ค่าเงินยูโรอาจอ่อนลง
  • การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (24 ตุลาคม) : ผลการประชุมของ ECB มีผลต่อนโยบายการเงิน หาก ECB ส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มขึ้น อาจทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง
  • คำแถลงของประธาน ECB (25 ตุลาคม) : การแถลงของประธาน ECB เป็นสิ่งที่นักลงทุนเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด หากส่งสัญญาณบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุโรป อาจหนุนค่าเงินยูโร แต่หากมีความกังวลต่อเศรษฐกิจ ค่าเงินยูโรอาจอ่อนลง

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ (22 ตุลาคม) : ดัชนีนี้บ่งบอกถึงสถานะของภาคการผลิตในสหรัฐ หาก PMI แข็งแกร่ง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจแข็งค่า ซึ่งจะกดดันให้คู่เงิน EUR/USD ลดลง
  • ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ (23 ตุลาคม) : ยอดขายบ้านใหม่ที่แข็งแกร่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งจะสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันคู่ EUR/USD
  • คำขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (24 ตุลาคม) : หากจำนวนคำขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดการณ์ จะสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และอาจทำให้คู่ EUR/USD ลดลง
  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐ (PCE Price Index) (25 ตุลาคม) : ดัชนีนี้เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ หากออกมาแข็งแกร่ง อาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าและกดดันให้คู่ EUR/USD ลดลง

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาได้เริ่มมีการแสดงสัญญาณเปลี่ยนเป็นขาลง โดยได้ลงมาทดสอบแนวรับที่ 1.08400 แล้วเกิดการดีดตัวขึ้น แต่หากวิเคราะห์จากมุมมองทางเทคนิค ราคายังมีโอกาสปรับตัวลงไปถึงฐานที่ 1.07775 ได้

กลยุทธ์การเทรดในตอนนี้ควรเน้น Bias ฝั่ง Sell โดยมองหาจังหวะที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไป โซนที่น่าสนใจสำหรับการเปิด Sell คือบริเวณ Fibonacci ระหว่าง 0.5-0.618 ซึ่งสามารถใช้พิจารณาเป็น Sell zone ได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามหากราคากลับขึ้นไปเหนือระดับ Fibonacci 0.382 ควรพิจารณาใช้เป็นจุด Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงในออเดอร์นี้

GBP/USD “ปอนด์อังกฤษ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ GBP/USD ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร

  • คำแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (23 ตุลาคม) : หากเจ้าหน้าที่ BoE ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยหรือแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินปอนด์ โดยเฉพาะถ้ามีสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน ค่าเงินปอนด์อาจอ่อนตัวลง
  • คำแถลงของประธานธนาคารกลางอังกฤษ (25 ตุลาคม) : คำแถลงจากประธาน BoE มีผลโดยตรงต่อเงินปอนด์ หากแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจหรือส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน เงินปอนด์อาจอ่อนค่าลง

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ (22 ตุลาคม) : หากดัชนีแข็งแกร่ง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอาจแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันให้ GBP/USD ลดลง
  • ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ (23 ตุลาคม) : ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ หากยอดขายบ้านใหม่ออกมาดี แสดงถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐและหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ GBP/USD อ่อนลง
  • คำขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (24 ตุลาคม) : หากตัวเลขดีกว่าคาดการณ์ ดอลลาร์จะแข็งค่าและทำให้ GBP/USD ลดลง
  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐ (25 ตุลาคม) : ตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ หากออกมาสูงกว่าที่คาด ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นและกดดันให้ GBP/USD อ่อนลง

ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป ที่ส่งผลต่อ GBP/USD

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (21 ตุลาคม) : หากความเชื่อมั่นของยูโรโซนอ่อนแอ อาจกดดันเงินปอนด์ให้ลดลง เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างยูโรโซนและสหราชอาณาจักร
  • ดัชนี PMI ของเยอรมนีและยูโรโซน (22 ตุลาคม) : หาก PMI ในยูโรโซนอ่อนแอ ค่าเงินยูโรอาจอ่อนลงและส่งผลกระทบเชิงลบต่อเงินปอนด์ เนื่องจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างยูโรโซนและสหราชอาณาจักร
  • การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB Meeting) (24 ตุลาคม) : หาก ECB ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน เงินปอนด์อาจได้รับผลกระทบในทางลบ

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

กราฟ GBP/USD มีรูปแบบคล้ายกับ EURUSD โดยราคาเริ่มเสียทรงและมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นขาลง โดยใช้หลักการเทรดแบบเดียวกันกับ EUR/USD คือเน้นฝั่ง Bias Sell โดยโซนที่น่าสนใจสำหรับการเปิดออเดอร์ Sell คือบริเวณ Fibonacci ระหว่าง 0.5-0.618 ซึ่งสามารถพิจารณาเป็นโซนในการเข้าเทรดฝั่ง Sell ได้เช่นกัน

XAU/USD “ทองคำ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ XAU/USD ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อทองคำ

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (Eurozone Consumer Confidence) (21 ตุลาคม) : หากความเชื่อมั่นในยูโรโซนแข็งแกร่ง จะเพิ่มความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ส่งผลให้ XAU/USD อ่อนตัวลง แต่หากความเชื่อมั่นอ่อนแอ อาจทำให้ทองคำเป็นที่ต้องการมากขึ้น
  • ดัชนี PMI ของเยอรมนีและยูโรโซน (22 ตุลาคม) : หากดัชนี PMI ของยูโรโซนออกมาอ่อนแอ จะสร้างความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจดันราคา XAU/USD ขึ้น
  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ (US Manufacturing PMI) (22 ตุลาคม) : ข้อมูลนี้บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ หากผลออกมาแข็งแกร่ง ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ซึ่งมักจะกดดันราคาทองคำ (XAU/USD) ให้ลดลง เนื่องจากทองคำมักเคลื่อนไหวสวนทางกับดอลลาร์
  • ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ (US New Home Sales) (23 ตุลาคม) : ยอดขายบ้านใหม่ที่แข็งแกร่งมักบ่งบอกถึงการเติบโตในเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าและกดดันราคาทองคำ (XAU/USD) ในทางกลับกัน หากยอดขายต่ำกว่าคาด อาจทำให้ทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • คำแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Speech) (23 ตุลาคม) : หากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณเกี่ยวกับการคงนโยบายการเงินที่เข้มงวด อาจทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าและสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
  • คำขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) (24 ตุลาคม) : ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานสะท้อนถึงสุขภาพของตลาดแรงงานสหรัฐ หากตัวเลขดีกว่าคาดการณ์จะช่วยหนุนเงินดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขสูงกว่าคาด ทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะชะลอนโยบายการเงินที่เข้มงวด
  • การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB Meeting) (24 ตุลาคม) : หาก ECB ส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงิน อาจส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัว ซึ่งจะกดดันให้ทองคำแข็งค่าขึ้นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง
  • ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐ (US Core PCE Price Index) (25 ตุลาคม) : เป็นตัวชี้วัดสำคัญของเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐใช้ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขเงินเฟ้ออ่อนแอ ทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงที่หรือลดลง
  • คำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Chair Speech) (25 ตุลาคม) : การแถลงของประธาน Fed เป็นสิ่งที่นักลงทุนจะจับตามอง หากมีการส่งสัญญาณถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจหรือการชะลอนโยบายเข้มงวด ทองคำอาจได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ปัจจุบัน ราคาทองคำอยู่ในโซน All-Time High (ATH) ซึ่งทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน ในช่วงนี้การเทรดทองคำต้องมีความระมัดระวังสูง หากเลือก Sell อาจเสี่ยงที่จะโดนราคาลากขึ้นต่อไป หรือถ้ารีบ Buy ทันที ก็อาจถูกดันลงอย่างรุนแรงเช่นกัน

คำแนะนำตอนนี้คือให้รอให้ราคาย่อตัวลงเล็กน้อยก่อน แล้วค่อยเข้าทาง Buy โดยอาจใช้แนวรับแนวต้านทางจิตวิทยา (Round Numbers) เช่น ทุก ๆ 1000 จุด (2710-2700-2690-2680) เพื่อรอ Buy ได้

หากต้องการเล่นตามโซนราคาจริง ๆ ควรรอให้ราคาทดสอบบริเวณ 2685-2670 หากเข้าออเดอร์ Buy และราคาสามารถยืนอยู่ในโซนนี้ได้ ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปได้ไกลกว่าเดิม

Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากโค้ชของสถาบัน RoboAcademy ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น