สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกับบทวิเคราะห์คู่สกุลเงิน EUR/USD GBP/USD และ XAU/USD ประจำสัปดาห์ที่สี่ของเดือนมกราคม ในระหว่างวันที่ 20 - 24 มกราคม 2568
EUR/USD “ยูโร เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ EUR/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (Eurozone Consumer Confidence) (20 มกราคม) : หากตัวเลขดีขึ้น อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโร แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนและเยอรมนี (Eurozone & Germany Manufacturing & Services PMI) (21 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่ง อาจสะท้อนถึงการฟื้นตัวในเศรษฐกิจยูโรโซนและหนุนค่าเงินยูโร หากตัวเลขต่ำกว่าคาด อาจทำให้ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์
- ดัชนี Ifo Business Climate ของเยอรมนี (Germany Ifo Business Climate) (22 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินยูโรเนื่องจากเยอรมนีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยูโรโซน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ : นักลงทุนยังจับตาการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ หลังตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์ก่อน
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐ (U.S. Manufacturing & Services PMI) (21 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันคู่เงิน EUR/USD
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (23 มกราคม) : ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันคู่เงิน EUR/USD
- ความเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ (U.S. Bond Yield) (23 มกราคม) : นักลงทุนจะจับตาทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งมีผลต่อความต้องการถือดอลลาร์
- ดัชนียอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (U.S. Durable Goods Orders) (24 มกราคม) : หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันค่าเงินยูโร
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. University of Michigan Consumer Sentiment Index) (24 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงกว่าคาด อาจสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ดีในเศรษฐกิจสหรัฐ และหนุนค่าเงินดอลลาร์
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาได้มีการเคลื่อนที่ตามแผนที่วางไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมุ่งหน้าลงทดสอบแนวรับในโซน 1.02200-1.01800 แนะนำให้เทรดฝั่ง Sell อย่างไรก็ตามควรระมัดระวัง หากราคาหยุดเคลื่อนที่ต่ำกว่าระดับนี้ อาจมีโอกาสเป็นจุดกลับตัวไปฝั่ง Buy ได้
GBP/USD “ปอนด์อังกฤษ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ GBP/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
- ดัชนีราคาบ้านจาก Rightmove ของสหราชอาณาจักร (U.K. Rightmove House Price Index) (20 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงขึ้น อาจบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร และส่งผลดีต่อค่าเงินปอนด์
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหราชอาณาจักร (U.K. Manufacturing & Services PMI) (21 มกราคม) : ตัวเลขที่ดีกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินปอนด์ ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด อาจกดดันค่าเงินปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์
- รายงานเงินเฟ้อของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE Inflation Report) (22 มกราคม) : เนื้อหาจากรายงานอาจสะท้อนทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงินในอนาคต หากมีสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ย อาจช่วยหนุนค่าเงินปอนด์
- ข้อมูลยอดขายปลีกของสหราชอาณาจักร (U.K. Retail Sales) (23 มกราคม) : หากตัวเลขดีกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินปอนด์
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ : การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐในวันแรกของสัปดาห์ อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางเริ่มต้นของคู่เงิน GBP/USD
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐ (U.S. Manufacturing & Services PMI) (21 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่ง อาจช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์และสร้างแรงกดดันต่อ GBP/USD
- ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยของสหรัฐ (U.S. Housing Price Index) (22 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่ง อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดัน GBP/USD
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (23 มกราคม) : ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด อาจช่วยหนุนดอลลาร์และกดดันคู่เงิน GBP/USD
- ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (U.S. Durable Goods Orders) (24 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่ง อาจกดดันคู่เงิน GBP/USD เนื่องจากหนุนดอลลาร์
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. University of Michigan Consumer Sentiment Index) (24 มกราคม) : หากตัวเลขสูงกว่าคาด อาจส่งผลบวกต่อดอลลาร์และกดดันค่าเงินปอนด์
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาได้ปรับตัวขึ้น แต่ยังคงเคลื่อนไหวตามแผน โดยเน้นฝั่ง Sell เพื่อให้ราคาลงไปทดสอบแนวรับที่ 1.20000 อย่างไรก็ตามควรเฝ้าระวัง เนื่องจากโซนนี้อาจเป็นจุดกลับตัวไปฝั่ง Buy ได้เช่นกัน หากราคาลงไปถึงแนวรับแล้วมีการดีดตัวขึ้น โดยไม่สามารถทะลุแนวรับลงไปได้ แนะนำให้ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจทำการเข้าเทรด
XAU/USD “ทองคำ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ XAU/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อทองคำ
- การเปิดตลาดโลก : นักลงทุนจะจับตาการเริ่มต้นสัปดาห์ของตลาดการเงินโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อความต้องการทองคำ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซน (Eurozone Consumer Confidence) (20 มกราคม) : หากตัวเลขดีขึ้น อาจลดความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่หากต่ำกว่าคาด อาจช่วยหนุนราคาทองคำ
- ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนและสหรัฐ (Eurozone & U.S. Manufacturing & Services PMI) (21 มกราคม) : หากตัวเลข PMI ของสหรัฐแข็งแกร่ง อาจหนุนดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ ตัวเลข PMI ที่ต่ำกว่าคาด อาจช่วยหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ดัชนี Ifo Business Climate ของเยอรมนี (Germany Ifo Business Climate) (22 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงกว่าคาด อาจบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำ
- ตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่น (Japan CPI) (22 มกราคม) : ตัวเลขนี้อาจส่งผลต่อค่าเงินเยน และอาจมีผลกระทบต่อความต้องการทองคำในตลาดเอเชีย
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (23 มกราคม) : ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด อาจหนุนดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ
- ความเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ (U.S. Bond Yield) (23 มกราคม) : หากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น อาจลดความน่าสนใจของทองคำ
- ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (U.S. Durable Goods Orders) (24 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่ง อาจหนุนดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. University of Michigan Consumer Sentiment Index) (24 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงกว่าคาด อาจสะท้อนความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ และส่งผลลบต่อราคาทองคำ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคามีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 2730 ซึ่งเป็นแนวต้านใหญ่ ควรเฝ้ารอดูทิศทางของราคาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีโอกาสที่ราคาจะถูกกดลงเป็น Sideway ในกรอบใหญ่
หากต้องการเทรดฝั่ง Buy สามารถรอลุ้นให้ราคาทะลุแนวต้าน 2730 ได้ โดยควรวาง Stop Loss แบบสั้นใน Timeframe เล็ก ในช่วงราคาไม่เกิน 500-1000 จุด เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างปลอดภัย หรือหากสนใจเทรดฝั่ง Sell สามารถวาง Stop Loss ไว้เหนือแนวต้าน 2730 ในช่วงราคา 2735-2740 เพื่อป้องกันการขาดทุนในกรณีที่ราคาทะลุขึ้น และรอลุ้นให้ราคาปรับตัวลงแรง
แนะนำให้เฝ้าสังเกตรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเข้าเทรด เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากโค้ชของสถาบัน RoboAcademy ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน