สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกับบทวิเคราะห์คู่สกุลเงิน EUR/USD GBP/USD และ XAU/USD ประจำสัปดาห์ที่สามของเดือนมกราคม ในระหว่างวันที่ 13 - 17 มกราคม 2568
EUR/USD “ยูโร เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ EUR/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป
- ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน (Eurozone Industrial Production) (13 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่งจะสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและช่วยหนุนค่าเงินยูโร
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี (Germany CPI) (14 มกราคม) : หากตัวเลขแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโร เนื่องจากอาจทำให้ ECB มีแนวโน้มคุมเข้มนโยบายการเงิน
- ดัชนี ZEW Sentiment ของเยอรมนี (Germany ZEW Economic Sentiment) (14 มกราคม) : หากตัวเลขสูงกว่าคาด อาจช่วยเพิ่มแรงหนุนค่าเงินยูโร
- ดัชนีการค้าระหว่างประเทศของยูโรโซน (Eurozone Trade Balance) (17 มกราคม) : หากยูโรโซนมียอดเกินดุลการค้าที่สูงกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโร
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. CPI) (15 มกราคม) : ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากตลาดจะมองว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
- ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (U.S. PPI) (16 มกราคม) : หากตัวเลขเพิ่มขึ้น อาจเป็นอีกปัจจัยที่หนุนค่าเงินดอลลาร์ เนื่องจากสะท้อนถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (16 มกราคม) : ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาด อาจส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า
- ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ (U.S. Industrial Production) (17 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่งอาจช่วยเสริมความเชื่อมั่นในดอลลาร์ และกดดันคู่เงิน EUR/USD
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาได้มีการปรับตัวลงตามแผนที่วางไว้และหลุดแนวรับที่สำคัญที่ประมาณ 1.02600 ไปแล้ว แม้ว่าราคาจะมีการดีดตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคาดว่ามีออเดอร์ Buy รับในโซนนี้เยอะ
แนะนำให้รอราคาปรับตัวขึ้นไปอีกสักนิดในช่วง Fibonacci 0.5-0.618 (ระหว่าง 1.03230 - 1.02960) และหากมีสัญญาณ Price action ที่แสดงให้เห็นถึงการกลับตัว (Sell) ในบริเวณนี้ ก็สามารถเข้า Sell เพื่อลุ้นให้ราคาลงต่อได้
หากราคาหลุดจากโซนนี้ลงไปในอนาคต ฐานถัดไปที่ควรเฝ้าระวังคือบริเวณ 1.0100 ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญในการประเมินแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคา
GBP/USD “ปอนด์อังกฤษ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ GBP/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
- ข้อมูล GDP ไตรมาสที่ 4 ของสหราชอาณาจักร (U.K. Preliminary GDP) (13 มกราคม) : หากตัวเลข GDP แข็งแกร่งกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินปอนด์ได้ แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันค่าเงินปอนด์และส่งผลลบต่อคู่เงินในตลาด
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหราชอาณาจักร (U.K. CPI) (14 มกราคม) : หากตัวเลขแสดงถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ อาจเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจช่วยหนุนค่าเงินปอนด์ได้
- ดัชนีการค้าระหว่างประเทศของสหราชอาณาจักร (U.K. Trade Balance) (17 มกราคม) : หากยอดเกินดุลการค้าของสหราชอาณาจักรสูงกว่าคาด อาจสนับสนุนค่าเงินปอนด์ให้แข็งค่าขึ้น
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. CPI) (15 มกราคม) : หากตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันคู่เงิน GBP/USD เนื่องจากคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (U.S. PPI) (16 มกราคม) : หากตัวเลขแสดงถึงแรงกดดันเงินเฟ้อ อาจช่วยหนุนดอลลาร์และกดดันคู่เงิน GBP/USD
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (16 มกราคม) : หากตัวเลขต่ำกว่าคาด อาจช่วยเพิ่มแรงหนุนให้กับค่าเงินดอลลาร์
- ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ (U.S. Industrial Production) (17 มกราคม) : หากตัวเลขแข็งแกร่ง อาจหนุนดอลลาร์และกดดันคู่เงิน GBP/USD
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาปรับตัวลงตามแผนที่ได้วางไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดได้หลุดฐานแนวรับที่ระดับ 1.23400 และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไปในทิศทางขาลงต่อไป
แนะนำให้เข้า Follow Sell ในกราฟ TF เล็กหากมีสัญญาณ Price Action Sell ที่ชัดเจน โดยเป้าหมายถัดไปจะเป็นการทดสอบแนวรับที่ 1.20900 หากราคาทำการปรับตัวลงต่อไปตามคาด
XAU/USD “ทองคำ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”
การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน
เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ XAU/USD ในสัปดาห์นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อทองคำ
- ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ (13 มกราคม) : การเคลื่อนไหวของดอลลาร์ในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์อาจกำหนดกรอบแนวโน้มสำหรับทองคำ
- ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน (Eurozone Industrial Production) (13 มกราคม) : หากตัวเลขดีกว่าคาด อาจลดความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของเยอรมนี (Germany CPI) (14 มกราคม) : ตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมนีอาจมีผลต่อความเชื่อมั่นในยูโรโซน ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาทองคำ
- ดัชนี ZEW Sentiment ของเยอรมนี (Germany ZEW Economic Sentiment) (14 มกราคม) : หากตัวเลขสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในยูโรโซน อาจกดดันราคาทองคำ
- ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ (U.S. CPI) (15 มกราคม) : หากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐสูงกว่าคาด อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำ
- ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐ (U.S. PPI) (16 มกราคม) : ตัวเลขที่สูงกว่าคาดอาจส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
- ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (U.S. Initial Jobless Claims) (16 มกราคม) : หากตัวเลขต่ำกว่าคาด อาจหนุนความเชื่อมั่นในดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ
- ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ (U.S. Industrial Production) (17 มกราคม) : ตัวเลขที่แข็งแกร่งอาจสนับสนุนดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ
- ข้อมูลดุลการค้าของยูโรโซน (Eurozone Trade Balance) (17 มกราคม) : หากตัวเลขดุลการค้าในยูโรโซนออกมาดี อาจทำให้ยูโรแข็งค่าและเพิ่มแรงกดดันต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจช่วยหนุนราคาทองคำ
- ปัจจัยความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลก : ตลาดอาจปรับสถานะการลงทุนในทองคำตามสถานการณ์เศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคามีการปรับตัวขึ้นสวนทางกับการแข็งค่าของดอลลาร์ (USD) ซึ่งทำให้กราฟโดยรวมมีการเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง แต่ล่าสุดราคาสามารถปิดเหนือแนวต้านที่ระดับ 2675 ได้
แนะนำให้รอราคาย่อกลับมาทดสอบแนวต้านเดิมที่ทำลายไป เพื่อคอนเฟิร์มการกลับตัว (Retest) และเมื่อมีสัญญาณการทดสอบที่ชัดเจน ค่อย Follow Buy เพื่อลุ้นให้ราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปในโซน 2700-2720
ควรระมัดระวังในการเทรด เนื่องจากราคามีความเป็นไปได้ที่จะกลับลงไปทดสอบโซน 2650 อีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นการหลอกกวาดรายย่อยก่อนที่จะกลับตัวขึ้นต่อ
Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากโค้ชของสถาบัน RoboAcademy ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน