วิเคราะห์กราฟแบบแม่นเป๊ะ กับโค้ชมาร์ค RoboAcademy วันที่ 18 - 22 พฤศจิกายน 2567

สวัสดีครับทุกท่าน มาพบกับบทวิเคราะห์คู่สกุลเงิน EUR/USD GBP/USD และ XAU/USD ประจำสัปดาห์ที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน ในระหว่างวันที่ 18 - 22 พฤศจิกายน 2567

EUR/USD “ยูโร เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ EUR/USD ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป

  • ดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี (Germany Producer Price Index) (18 พฤศจิกายน) : ตัวเลข PPI ของเยอรมนีซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป จะสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อ หากตัวเลขสูงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินยูโรเนื่องจากชี้ถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเยอรมนี แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันให้ยูโรอ่อนตัวลง
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ZEW ของเยอรมนีและยูโรโซน (ZEW Economic Sentiment Index) (19 พฤศจิกายน) : หากดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนออกมาสูงกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินยูโร แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันให้ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์
  • ดัชนียอดขายสินค้าอุตสาหกรรมของยูโรโซน (EU Industrial Sales Index) (22 พฤศจิกายน) : หากยอดขายสินค้าอุตสาหกรรมดีกว่าคาด จะหนุนค่าเงินยูโรให้แข็งขึ้น แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันให้ยูโรอ่อนตัวลง

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

  • จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างของสหรัฐ (US Housing Starts) (19 พฤศจิกายน) : ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนสภาวะภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ หากข้อมูลดีกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น
  • รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting Minutes) (20 พฤศจิกายน) : รายงานนี้ให้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของ Fed หาก Fed มีท่าทีเข้มงวด อาจหนุนดอลลาร์แข็งค่าและกดดันยูโร แต่หากรายงานแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจ ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง
  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) (21 พฤศจิกายน) : หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการลดลงกว่าคาด สะท้อนตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง อาจกดดันให้ยูโรอ่อนค่าจากดอลลาร์ที่แข็งขึ้น แต่หากตัวเลขสูงกว่าคาด ยูโรอาจได้รับแรงหนุน
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้นของสหรัฐและยุโรป (US & EU Preliminary PMI) (22 พฤศจิกายน) : ตัวเลข PMI จะชี้ทิศทางเศรษฐกิจ หาก PMI ยุโรปสูงกว่าสหรัฐ อาจหนุนค่าเงินยูโร แต่หาก PMI สหรัฐชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่า อาจหนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคากำลังพักตัวบริเวณฐานที่ 1.05000 และยังไม่ทะลุลงไป แนะนำให้รอการยืนยันจาก Price Action ว่าจะเลือกทิศทางใดก่อนตัดสินใจ หากราคาดีดตัวขึ้น ให้พิจารณา Buy ตามแนวโน้ม แต่หากราคาทะลุ Breakout ลงต่ำกว่าระดับนี้ ให้ Follow Sell ตามแนวโน้มขาลงได้

GBP/USD “ปอนด์อังกฤษ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ GBP/USD ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร

  • ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหราชอาณาจักร (UK Producer Price Index) (18 พฤศจิกายน) : ตัวเลข PPI สะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อในต้นทุนการผลิต หากออกมาสูงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินปอนด์ เนื่องจากอาจผลักดันให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ใช้ท่าทีเข้มงวดมากขึ้น แต่หากต่ำกว่าคาด ค่าเงินปอนด์อาจอ่อนค่าลง
  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค GfK ของสหราชอาณาจักร (UK GfK Consumer Confidence Index) (21 พฤศจิกายน) : หากความเชื่อมั่นผู้บริโภคสูงกว่าคาด จะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรและอาจหนุนค่าเงินปอนด์ให้แข็งค่าขึ้น
  • ยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักร (UK Retail Sales) (22 พฤศจิกายน) : หากยอดค้าปลีกออกมาสูงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินปอนด์ แต่หากต่ำกว่าคาด อาจกดดันให้ค่าเงินปอนด์อ่อนลง
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้นของสหราชอาณาจักรและสหรัฐ (UK & US Preliminary PMI) (22 พฤศจิกายน) : ตัวเลข PMI เป็นตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หาก PMI ของสหราชอาณาจักรสูงกว่าสหรัฐ อาจหนุนค่าเงินปอนด์ แต่หาก PMI ของสหรัฐแข็งแกร่งกว่า อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

  • จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างของสหรัฐ (US Housing Starts) (19 พฤศจิกายน) : หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด จะสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์
  • รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting Minutes) (20 พฤศจิกายน) : หากรายงานแสดงถึงความตั้งใจของ Fed ในการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น และกดดันค่าเงินปอนด์ อย่างไรก็ตาม หาก Fed แสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง
  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) (21 พฤศจิกายน) : ตัวเลขนี้เป็นดัชนีสำคัญของตลาดแรงงาน หากจำนวนคำขอรับสวัสดิการลดลงกว่าคาด จะหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันค่าเงินปอนด์ แต่หากตัวเลขสูงกว่าคาด อาจช่วยหนุนค่าเงินปอนด์ให้แข็งค่าขึ้น

ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรป ที่ส่งผลต่อ GBP/USD

  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ZEW ของสหภาพยุโรป (ZEW Economic Sentiment Index) (19 พฤศจิกายน) : หากตัวเลขความเชื่อมั่นสูงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์ในบางกรณี โดยเฉพาะหากยูโรแข็งค่ามากกว่าปอนด์เมื่อเทียบกับดอลลาร์

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคากำลังพักตัวที่แนวรับ 1.26000 แต่ยังไม่มีการยืนยันทิศทางชัดเจน แนะนำให้รอดูการเคลื่อนไหวของราคา หากมีการดีดตัวขึ้น ให้พิจารณา Follow Buy แต่หากทะลุแนวรับลงต่อ ให้ Follow Sell ตามทิศทางขาลง โดยเฉพาะการเทรด Sell ตามเทรนด์หลักจะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าในระยะนี้

XAU/USD “ทองคำ เทียบกับ ดอลลาร์สหรัฐ”

การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐาน

เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อ XAU/USD ในสัปดาห์นี้

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อทองคำ

  • ดัชนีราคาผู้ผลิตเยอรมนี (Germany Producer Price Index) (18 พฤศจิกายน) : แม้จะเป็นข้อมูลจากยุโรป แต่ตัวเลขนี้สามารถบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อในยูโรโซนได้ หากเงินเฟ้อในเยอรมนีสูง อาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจเพิ่มความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ZEW ของเยอรมนีและยูโรโซน (ZEW Economic Sentiment Index) (18 พฤศจิกายน) : ตัวเลขนี้สะท้อนมุมมองของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจ หากความเชื่อมั่นลดลง อาจหนุนให้ทองคำแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากความเชื่อมั่นสูงขึ้น ทองคำอาจถูกกดดันให้ปรับตัวลง
  • จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้างของสหรัฐ (US Housing Starts) (19 พฤศจิกายน) : หากตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ออกมาดี อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขอ่อนแอ ทองคำอาจได้รับแรงหนุน
  • รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC Meeting Minutes) (20 พฤศจิกายน) : รายงานนี้จะชี้ให้เห็นท่าทีของ Fed เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ย หาก Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจกดดันราคาทองคำเนื่องจากต้นทุนโอกาสในการถือทองคำสูงขึ้น แต่หากแสดงความกังวลต่อเศรษฐกิจ ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ซึ่งจะหนุนราคาทองคำ
  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ (US Initial Jobless Claims) (21 พฤศจิกายน) : ตัวเลขนี้สะท้อนสุขภาพตลาดแรงงาน หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการลดลงกว่าคาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์และกดดันราคาทองคำ แต่หากตัวเลขสูงกว่าคาด ทองคำอาจได้รับแรงหนุน
  • ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index) (21 พฤศจิกายน) : หากดัชนีดอลลาร์แข็งค่า ทองคำที่ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์จะถูกกดดันให้ราคาลดลง แต่หากดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้น
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้นของสหราชอาณาจักรและสหรัฐ (UK & US Preliminary PMI) (22 พฤศจิกายน) : ตัวเลข PMI สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค หาก PMI ของสหรัฐออกมาดีกว่ายุโรป อาจหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าและกดดันราคาทองคำ แต่หาก PMI ของยุโรปแข็งแกร่งกว่าสหรัฐ ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นบวกต่อราคาทองคำ

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทดสอบฐานที่ระดับ 2550 และในขณะนี้เริ่มมีการขยับขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้ราคาทดสอบแนวต้านที่ระดับ 2600 ซึ่งหากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ ราคาอาจกลับตัวและปรับตัวลงต่อได้ ดังนั้น อาจรอดูท่าทีของราคาที่แนวต้านบริเวณนี้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ Sell ตามเทรนด์ขาลงในระยะสั้น ซึ่งยังมีโอกาสทำกำไรได้หากการปรับตัวลงเกิดขึ้นจริง

Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์จากโค้ชของสถาบัน RoboAcademy ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

ข่าวอื่นๆ

แสดงความคิดเห็น